2021

ความร่ำรวย เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะความร่ำรวยก็คือ “อิสระทางการเงิน” หากเรามีอิสระทางการเงินเเล้ว เราก็จะกังวลเรื่องเงินๆทองๆน้อยลง เเละได้ใช้ชีวิตในเเบบที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นความรวยจึงเหมือนเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต . 12 ข้อที่เราต้องรู้ ถ้าอยากเป็นคนรวย . .   1. คนรวยเขารู้ว่าเขาจะรวยไปทำไม . การที่เรามีเป้าหมายอะไรสักอย่างในชีวิต เราต้องตอบให้ได้ว่าทำไมมันถึงสำคัญ เเละทำไมเราถึงต้องการมัน เราต้องมีเหตุผลที่มากพอที่จะทำให้เราทะเยอทะยานเพื่อเป้าหมายนั้น บางคนต้องการรวยเพื่อที่จะได้ดูเเลครอบครัวให้อยู่ดีกินดี บางคนต้องการรวยเพราะต้องการไปเที่ยวต่างประเทศ . จงหาเหตุผลของตัวเองให้เจอว่า “ทำไมเราถึงต้องการความร่ำรวย” . 2. คนรวยรู้ว่ารวยเเค่ไหนถึงจะพอสำหรับเขา? . เราต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าความรวยนั้นคือปริมาณเท่าไหร่ หรือสถานการณ์อะไร เช่น ความรวยของเราอาจหมายถึงการมีเงินเดือนหรือยอดขายเกิน 5 หมื่นบาท หรือความรวยของเราอาจหมายถึง การพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศเมื่อไหร่ก็ได้ . 3. คนรวยรู้ว่าเขาเก่งหรือชอบด้านไหน? . ค้นหา 3 ทักษะที่เราคิดว่าเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ดีกว่าคนอื่น หรือจะเป็นสิ่งที่เราชอบทำก็ได้เพราะถึงเราจะยังไม่เก่งในสิ่งที่เราชอบทำ เเต่ความชอบจะทำให้เราพัฒนาทักษะนั้นได้เร็วเมื่อเราตอบได้เเล้ว ให้หาวิธีนำทักษะนั้นไปประยุกต์เเล้วสร้างความร่ำรวยให้กับเราให้ได้ . . 4. คนรวยใช้ทักษะทวีคูณรายได้ . ค้นหาว่า ทักษะอะไรที่จะทำให้เราเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น ทักษะการขาย, ทักษะการทำธุรกิจ, ทักษะการเข้าหาคน, ทักษะการพูด หรือทักษะในการปรับตัว เป็นต้น

คำว่า Productivity เเปลเป็นไทยก็คือ “ผลผลิต” ในเชิงการทำงานจึงหมายถึง “ผลงาน” . วันนี้เราได้นำ 11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน มาให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้ในการทำงานของตัวเองกันครับ . ติดตาม Facebook . 11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน . . 1. ตั้งเป้าหมาย . การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีภาพ ในหัว เราจึงรู้ว่า “รูปเเบบที่สมบูรณ์ของงานที่เรากำลังทำคืออะไร” เช่น ถ้าเราต้องการทำพรีเซนเทชั่นให้เสร็จ เราต้องเขียนเป้าหมายออกมา เเล้วนึกภาพงานที่เสร็จเเล้วไว้ในหัว . วิธีนี้ช่วยให้เราไม่หลงทางออกนอกกรอบของเป้าหมายที่ตั้งไว้ . 2. เขียน To-Do list ของงานนั้นๆ . คือ การย่อยเป้าหมายของเราให้เล็กลง เริ่มจากสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในเเต่ละปี ย่อยให้เล็กลงไปจนถึง สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในเเต่ละเดือน, สัปดาห์ เเละในเเต่ละวัน . สรุปก็คือการเขียน To-Do List เปรียบเสมือน “การกำหนดเดดไลน์” นั่นเอง