11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน

11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน

คำว่า Productivity เเปลเป็นไทยก็คือ “ผลผลิต” ในเชิงการทำงานจึงหมายถึง “ผลงาน”

.

วันนี้เราได้นำ 11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน มาให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้ในการทำงานของตัวเองกันครับ

.

.

11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน

.

.

1. ตั้งเป้าหมาย

.

การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีภาพ ในหัว เราจึงรู้ว่า “รูปเเบบที่สมบูรณ์ของงานที่เรากำลังทำคืออะไร” เช่น ถ้าเราต้องการทำพรีเซนเทชั่นให้เสร็จ เราต้องเขียนเป้าหมายออกมา เเล้วนึกภาพงานที่เสร็จเเล้วไว้ในหัว

.

วิธีนี้ช่วยให้เราไม่หลงทางออกนอกกรอบของเป้าหมายที่ตั้งไว้

.

2. เขียน To-Do list ของงานนั้นๆ

.

คือ การย่อยเป้าหมายของเราให้เล็กลง เริ่มจากสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในเเต่ละปี ย่อยให้เล็กลงไปจนถึง สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในเเต่ละเดือน, สัปดาห์ เเละในเเต่ละวัน

.

สรุปก็คือการเขียน To-Do List เปรียบเสมือน “การกำหนดเดดไลน์” นั่นเอง

.

3. จัดลำดับความสำคัญของงาน

.

เเน่นอนว่าเป้าหมายของเราในเเต่ละงานเเตกต่างกัน ความสำคัญเเละความเร่งด่วนของงาน เเต่ละงานก็เเตกต่างกันเช่นกัน

.

ลำดับความสำคัญของงาน เราเเบ่งเป็น 2 ประเภท นั่นคือ สิ่งที่ต้องทำ เเละสิ่งที่อยากทำ

.

เราควรให้ความสำคัญกับ “สิ่งที่ต้องทำ” ก่อน โดยการทำงานประเภทนี้ให้เสร็จทุกงานก่อนที่จะไปทำ “สิ่งที่อยากทำ”

.

นอกจากจะเเบ่งเป็น 2 ประเภทข้างต้นเเล้วยังสามารถเเบ่งตามเดดไลน์ได้อีกด้วย โดยงานที่ใกล้ครบกำหนดเดดไลน์ (งานด่วน)ก็คืองานที่เราต้องให้ความสำคัญที่สุดก่อน

.

4. รู้จักการมอบหมายงาน

.

เเน่นอนว่าหากงานที่เราต้องทำให้เสร็จมันมีเยอะเกินไป วิธีที่จะเบ่งเบาภาระของเราให้น้อยลงก็คือ “การหมอบหมายงาน” โดยการเเบ่งงานที่เราไม่ถนัดให้คนอื่นที่เก่งกว่าหรือถนัดกว่าทำมันทำให้เรามีเวลาไปทำงานอื่นในส่วนที่เราถนัด สามารถประหยัดเวลาในการทำงานชิ้นนั้นไปได้เยอะเลยทีเดียว

.

5. การปรับนิสัยเล็กๆน้อยๆ

.

การปรับนิสัยเล็กๆน้อยๆทุกวัน ทำให้เราค่อยๆมีเวลาเพิ่มมากขึ้นโดยไม่หักโหมเกินไป ตัวอย่างเช่น การเพิ่มเวลาในการอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตนเอง จากวันละ 15 นาที เพิ่มขึ้นเป็น 20 นาทีหรือลดเวลาการเล่นมือถือลงวันละ 10 นาที (การปรับนิสัยขึ้นอยู่กับความต้องการของเเต่ละคน) การค่อยๆปรับนิสัยทุกวัน ให้ผลดีกว่าการเลิก หรือการหยุดทำทันที เพราะเราเเค่ปรับตัวจากเดิมนิดเดียว โอกาสที่เราจะทำสำเร็จจึงมีสูงกว่า

.

6. รู้จักการปฏิเสธ

.
 

หากเราไม่รู้จักปฏิเสธ เราทำทุกอย่างที่คนอื่นมอบหมายหรือขอร้อง เราก็ย่อมไม่มีเวลาในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นการปฏิเสธจะทำให้เราสามารถทำสิ่งที่สำคัญเเละส่งผลต่อเราจริงๆ

.

.

7. อย่ายึดติดกับความสมบูรณ์เเบบ

.

บางงานที่เราทำ เราใช้เวลาในการทำ 30 นาที เทียบกับการใช้เวลาในกาทำงานนั้น 50 นาทีบางทีการใช้เวลาในการทำงานมากๆ ก็ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป อาจจะส่งผลตรงกันข้ามด้วยซ้ำดังนั้นเราต้องรู้จักการวิเคราะห์งานว่างานไหนควรทำอย่างละเอียด เเละงานไหนที่ต้องการเเค่ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

.

8. ตรวจงานซ้ำเสมอ

.

หากเป็นโปรเจกต์ใหญ่ ควรตรวจงานซ้ำอย่างน้อย 2 รอบ เพราะหากมีข้อผิดพลาดจะทำให้เราเสียเวลาในการนำกลับไปเเก้ใหม่ ดังนั้นก่อนที่จะส่งงานให้หัวหน้า เราต้องตรวจดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนไหม ถ้ามีก็ให้เเก้งานนั้นทันที

.

9. ทำงานง่ายเเละยากผสมกัน

.

บางครั้งเราทำงานที่ต้องใช้สมาธิเเละสมองติดต่อกันหลายๆงาน ทำให้คุณภาพของงานหลังๆเริ่มลดลง ซึ่งเกิดจากความเหนื่อยล้า เราสามารถเเก้ปัญหานี้ด้วยการนำงานที่ง่าย เเละไม่ต้องใช้สมาธิมาก มาทำต่อจากงานที่ยาก (ถ้าเป็นไปได้ให้เปิดเพลงฟังชิวๆไปด้วย เป็นการพักผ่อนเพิ่มพลังให้กับเราไปด้วย)

.

.

10. โฟกัส

.

การจดจ่อกับงานทำให้เราทำเสร็จเร็วเเละมีประสิทธิภาพ ดังนั้นอย่าทำอย่างอื่นไปด้วยขณะที่กำลังทำงานที่สำคัญอยู่ การทำงานนั้นให้เสร็จไปเลยก่อนที่จะเปลี่ยนไปทำงานอื่นก็สำคัญเช่นกัน เพราะสมองเราจะได้จดจ่ออยู่กับงานเดียว ไม่ต้องไปคิดถึงงานอื่นที่ต้องทำ

.

11. จัดเตรียมล่วงหน้า

.

จัดเตรียมโต๊ะทำงานของเราไว้ตั้งเเต่ก่อนกลับบ้านตอนเย็น วันพรุ่งนี้มาทำงานจะได้เริ่มทำงานได้เลย จัดชุดเสื้อผ้าของเราไว้ล่วงหน้า อย่าเสียเวลาไปกับการเลือกชุด คิดเมนูอาหารไว้ล่วงหน้่า อยากกินอะไร อยากทำอาหารอะไรคิดไว้ล่วงหน้าก่อน อย่าเสียเวลาเดินหาร้านอาหารที่อยากกิน

.

สำหรับใครที่ต้องการติดตามบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองสามารถกดเข้าไปดูที่ Self-Development Category เเละ Books Category

.

อ้างอิงข้อมูล: หนังสือ Extreme Productivity (Robert C. Pozen)

Oyyo