Self-Development

“สิ่งที่ผมกำลังพยายามทำคือ ลดภัยคุกคามในอนาคตให้น้อยที่สุด หรือลงมือทำอะไรก็ตามที่ผมทำได้ เพื่อให้มั่นใจว่า อนาคตจะต้องสดใส เเละผมไม่ได้คาดหวังให้บริษัทของผมต้องประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าพวกมันมีเเววล้มเหลวมากกว่า” อีลอน มัสก์ ถอดบทเรียนชีวิตจากมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก อีลอน มัสก์ (ฉบับเจาะลึกเเละนำไปใช้ได้จริง) Topics อีลอนในวัยเด็ก หนังสือเปลี่ยนชีวิต การศึกษา เลือกเส้นทางอาชีพ ก่อตั้งบริษัทอินเทอร์เน็ต จุดเริ่มต้นของ Zip2, X.com เเละ PayPal เคล็ดลับที่ 1 เคล็ดลับที่ 2 เคล็ดลับที่ 3 เคล็ดลับที่ 4 สรุปข้อคิด+นำไปปรับใช้ อีลอน มัสก์ ในวัยเยาว์ สมัยยังเด็ก ผมมักจะเดินอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ อยู่ตลอดเวลา ผมเป็นพวกรู้มาก ซึ่งมันทำให้ผมโดนเพื่อนๆ รังเเกอยู่บ่อยครั้ง ผมทั้งถูกเรียกสารพัดชื่อตามที่อยู่ในหนังสือ เเล้วก็ถูกเพื่อนเกเรซ้อมด้วย ดังนั้นสำหรับผม ช่วงชีวิตในวัยเด็กเป็นประสบการณ์การถูกบูลลี่ที่ไม่ค่อยดีนัก หนังสือเปลี่ยนชีวิต ผมอ่านหนังสือหลากหลายประเภท เพื่อพยายามค้นหาความหมายของชีวิต เพราะชีวิตของผมในตอนนั้นมันดูไร้ความหมายมาก เเล้วผมบังเอิญไปเจอหนังสือที่ชื่อว่า The Hichhiker’s Guide to the Galaxy เป็นหนังสือเกี่ยวกับการท่องอวกาศ หลังจากที่ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ผมกลับไปตั้งคำถามกับตัวว่าทำไมชีวิตของผมถึงดูไร้ความหมาย

กิจวัตรและนิสัยตอนเช้าของเหล่า Millionaires คืออะไร? ระหว่างกิจกรรมกับลูกๆ ไปจนถึงงานบ้าน ชีวิตในฐานะแม่ที่มีงานยุ่งอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างวุ่นวาย  และถ้าคุณมีความฝันที่จะปรับปรุงสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัว บางครั้งการหาชั่วโมงเพิ่มเติมในแต่ละวันเพื่ออุทิศให้กับการทำเงินอาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้  แต่ความจริงก็คือ เศรษฐีก็มีเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันเท่ากันกับที่ทุกคนมี! ความแตกต่างระหว่างกิจวัตรตอนเช้าแบบมาตรฐานกับกิจวัตรตอนเช้าของเหล่าเศรษฐีคือ เศรษฐีรู้วิธีใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ตั้งแต่การสร้างกิจวัตรที่ทำให้การวิ่งในตอนเช้าเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้นไปจนถึงการพัฒนานิสัยที่ส่งเสริมอาชีพการงาน เศรษฐีได้พัฒนาวิถีชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิมทุกวันๆ กิจวัตรยามเช้าของเศรษฐีคืออะไร? หากคุณคิดว่า ในเเต่ละวันของคุณนั้น มีเวลาน้อยซะเหลือเกิน โดยเฉพาะ ถ้าหากช่วงเช้าเป็นช่วงที่ต้องเร่งรีบที่สุดสำหรับคุณ นั่นหมายความว่าหากคุณมีปัญหาในการบริหารเวลาช่วงเช้าในเเต่ละวัน ดังนั้นการศึกษาวิธีบริหารเวลาในช่วงเช้าของเหล่าเศรษฐีจึงสามารถช่วยให้คุณนำไปปรับใช้กับชีวิตของคุณเองได้ กิจวัตรยามเช้าของเศรษฐีคือ: กิจกรรมที่คุณทำทุกเช้าเพื่อช่วยให้คุณอยู่ในเส้นทางของเป้าหมายของคุณ คุณอาจมีพื้นฐานของกิจวัตรตอนเช้าของเศรษฐีอยู่แล้วเเต่คุณอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ตั้งแต่วินาทีที่คุณตื่นขึ้นจนถึงเวลาที่คุณออกไปนอกประตู คุณอาจทำซ้ำขั้นตอนเดิมในแต่ละวัน ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คุณทำกับกิจวัตรยามเช้าของเศรษฐีคือวิธีที่คุณจัดการเวลาของคุณ เหตุใดกิจวัตรยามเช้าของเศรษฐีจึงสำคัญ? การสร้างกิจวัตรในตอนเช้าของคุณไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยให้คุณมีโอกาสทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้นด้วยเวลาที่จำกัดของคุณ  แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการ แต่เมื่อคุณจัดการเวลาอย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่คุณจะเริ่มต้นวันใหม่โดยปราศจากความเครียดเท่านั้น แต่คุณยังจะบรรลุสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อีกด้วย กิจวัตรในตอนเช้าของเหล่า Millionares เศรษฐีดูเหมือนจะเป็นตำเเหน่งที่เเยกขาดจากคนทั่วไป พูดง่ายๆก็คือคนละชั้นกับคนอย่างเราๆ แต่ความจริงเเล้ว พวกเขาเป็นเพียงคนทั่วไปเหมือนกับพวกเรานี่เเหล่ะ เเต่พวกเขาสามารถใช้ทักษะของพวกเขาทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จได้ ซึ่งหมายความว่า คุณก็สามารถทำได้อย่างพวกเขาเช่นกัน โดยการเปลี่ยนทัศนคติผิดๆเเละพัฒนาตนเองเรื่อยๆ อีกวิธีที่ยอดเยี่ยมวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากความคิดของชนชั้นกลางไปสู่ความคิดแบบเศรษฐีคือ การสร้างกิจวัตรยามเช้าที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายและความฝัน เพราะนั่นคือสิ่งที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายคนทำ และข่าวดีก็คือ เศรษฐีส่วนใหญ่มีกิจวัตรตอนเช้าที่คล้ายๆกัน ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้กิจวัตรตอนเช้าของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวคุณเองได้!  ปัจจัยทั่วไปเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเมื่อพยายามปรับปรุงกิจวัตรยามเช้าของคุณเอง

การตั้งเป้าหมาย เป็นขั้นตอนเเรกที่ต้องทำ หากต้องการจะทำอะไรให้สำเร็จ หลายคนละเลยขึ้นตอนที่สำคัญที่สุดนี้ ทำให้โอกาสที่สำเร็จน้อยลงไปมาก เเต่ผมเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากครับ การตั้งเป้าหมายอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นอย่างเเน่นอน . ติดตาม Facebook . 4 วิธี ทำให้เป้าหมายในชีวิตของคุณสำเร็จเร็วขึ้น .  . 1. ตั้งเป้าหมายเเบบเจาะจง .วิธีการตั้งเป้าหมายเเบบเจาะจง 1. เจาะจงวันที่จะต้องทำให้สำเร็จ 2. กำหนดลักษณะของเป้าหมาย 3. กำหนดสถานการณ์ที่จะทำให้คุณรู้ว่าเราทำเป้าหมายนั้นสำเร็จเเล้ว. การเจาะจงวันที่ เช่น การตั้งเป้าหมายว่า เมื่อถึงสิ้นเดือนนี้ ฉันจะต้องมีเงินออมถึง x บาท . การกำหนดลักษณะของเป้าหมาย เช่น หากเป้าหมายของคุณคือการซื้อรถ ให้กำหนดให้ชัดเจนว่า เป็นรถรุ่นอะไร สีอะไร ราคาเท่าไหร่ หากเป้าหมายของคุณคือการได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการเเผนก ให้กำหนดว่า เเผนกอะไร มีลูกน้องกี่คน เป็นต้น การกำหนดเช่นนี้จะทำให้คุณเห็นภาพรวมของเป้าหมายที่คุณต้องการ ทำให้มีเเรงจูงใจมากขึ้นเมื่อคุณนึกถึงมัน . การกำหนดสถานการณ์ที่ทำให้รู้ว่าเป้าหมายสำเร็จ เช่น ยกตัวอย่างจากเป้าหมายเเบบเดิมก็คือ การได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการเเผนก ตัวอย่างสถานการณ์ก็คือ การที่คุณได้รับเงินเดือนจากหัวหน้ามากขึ้น

ความร่ำรวย เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน เพราะความร่ำรวยก็คือ “อิสระทางการเงิน” หากเรามีอิสระทางการเงินเเล้ว เราก็จะกังวลเรื่องเงินๆทองๆน้อยลง เเละได้ใช้ชีวิตในเเบบที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นความรวยจึงเหมือนเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต . 12 ข้อที่เราต้องรู้ ถ้าอยากเป็นคนรวย . .   1. คนรวยเขารู้ว่าเขาจะรวยไปทำไม . การที่เรามีเป้าหมายอะไรสักอย่างในชีวิต เราต้องตอบให้ได้ว่าทำไมมันถึงสำคัญ เเละทำไมเราถึงต้องการมัน เราต้องมีเหตุผลที่มากพอที่จะทำให้เราทะเยอทะยานเพื่อเป้าหมายนั้น บางคนต้องการรวยเพื่อที่จะได้ดูเเลครอบครัวให้อยู่ดีกินดี บางคนต้องการรวยเพราะต้องการไปเที่ยวต่างประเทศ . จงหาเหตุผลของตัวเองให้เจอว่า “ทำไมเราถึงต้องการความร่ำรวย” . 2. คนรวยรู้ว่ารวยเเค่ไหนถึงจะพอสำหรับเขา? . เราต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าความรวยนั้นคือปริมาณเท่าไหร่ หรือสถานการณ์อะไร เช่น ความรวยของเราอาจหมายถึงการมีเงินเดือนหรือยอดขายเกิน 5 หมื่นบาท หรือความรวยของเราอาจหมายถึง การพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศเมื่อไหร่ก็ได้ . 3. คนรวยรู้ว่าเขาเก่งหรือชอบด้านไหน? . ค้นหา 3 ทักษะที่เราคิดว่าเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ดีกว่าคนอื่น หรือจะเป็นสิ่งที่เราชอบทำก็ได้เพราะถึงเราจะยังไม่เก่งในสิ่งที่เราชอบทำ เเต่ความชอบจะทำให้เราพัฒนาทักษะนั้นได้เร็วเมื่อเราตอบได้เเล้ว ให้หาวิธีนำทักษะนั้นไปประยุกต์เเล้วสร้างความร่ำรวยให้กับเราให้ได้ . . 4. คนรวยใช้ทักษะทวีคูณรายได้ . ค้นหาว่า ทักษะอะไรที่จะทำให้เราเติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น ทักษะการขาย, ทักษะการทำธุรกิจ, ทักษะการเข้าหาคน, ทักษะการพูด หรือทักษะในการปรับตัว เป็นต้น

คำว่า Productivity เเปลเป็นไทยก็คือ “ผลผลิต” ในเชิงการทำงานจึงหมายถึง “ผลงาน” . วันนี้เราได้นำ 11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน มาให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้ในการทำงานของตัวเองกันครับ . ติดตาม Facebook . 11 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน . . 1. ตั้งเป้าหมาย . การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีภาพ ในหัว เราจึงรู้ว่า “รูปเเบบที่สมบูรณ์ของงานที่เรากำลังทำคืออะไร” เช่น ถ้าเราต้องการทำพรีเซนเทชั่นให้เสร็จ เราต้องเขียนเป้าหมายออกมา เเล้วนึกภาพงานที่เสร็จเเล้วไว้ในหัว . วิธีนี้ช่วยให้เราไม่หลงทางออกนอกกรอบของเป้าหมายที่ตั้งไว้ . 2. เขียน To-Do list ของงานนั้นๆ . คือ การย่อยเป้าหมายของเราให้เล็กลง เริ่มจากสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในเเต่ละปี ย่อยให้เล็กลงไปจนถึง สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จในเเต่ละเดือน, สัปดาห์ เเละในเเต่ละวัน . สรุปก็คือการเขียน To-Do List เปรียบเสมือน “การกำหนดเดดไลน์” นั่นเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการบริหารเวลาคือ “การตั้งเป้าหมายเเละจัดลำดับความสำคัญ” พูดง่ายๆก็คือ การที่เราจะมีเวลา หรือไม่มีเวลานั้นขึ้นอยู่กับว่า “เราให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นเเค่ไหน” . วันนี้เราได้รวบรวม 5 เคล็ดลับในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ(ฉบับคนมีเวลาน้อย) มาให้ทุกคนได้นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง . ติดตาม Facebook . 5 เคล็ดลับ ในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ . . 1. เขียนเป้าหมาย . เขียนเป้าหมายลงไปให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ อาจจะเขียนใส่กระดาษเเล้วเเปะไว้กับผนัง (ควรจะเห็นเป้าหมายที่ตัวเองเขียนบ่อยๆ) ในอีก 5 ปีอยากจะเห็นตัวเองเป็นเเบบไหน? (เขียนสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จออกมากี่ข้อก็ได้) เเละเรียงลำดับความสำคัญของเป้าหมายทุกข้อที่เขียนออกมา . 2. เเบ่งประเภทเป้าหมาย . เเบ่งประเภทตามระยะเวลา (เดดไลน์) มี 3 ช่วงเวลา คือ ระยะยาว, ระยะกลาง, ระยะสั้น . ระยะยาว คือ เป้าหมายทางอาชีพ อยู่ที่ประมาณ 3-5 ปีขึ้นไปถึงจะนับว่าเป็นระยะยาว . ระยะกลาง คือ การย่อยเป้าหมายระยะยาวให้เป็นเป้าหมายที่เล็กลง ที่มีเดดไลน์ประมาณ 3-24 เดือน